ขอบคุณทีมสัตวแพทย์ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ
ยุคสมัยนี้ใครๆก็มีสิทธิ์เป็นโรคประสาทกันได้ง่ายๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าสี่เท้าเพื่อนยากของเรา ยิ่งถ้าหากเราได้รับการเลี้ยงดูกันแบบสุนัขน้อยในคอนโดทองแล้วล่ะก็ ยิ่งน่าเป็นห่วง เพราะวันๆ ไม่มีโอกาสออกไปเปิดหูเปิดตา ชีวิตจำกัดอยู่ในที่แคบๆรู้จักก็แต่หน้าเจ้านายกับผนังตึกส่วนชีวิตประจำวัน ก็มีแค่ กิน แล้วก็นอน (ส่งเสียงเห่านายยังห้ามอีก) ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเพื่อนร่วมสปีชี่ตัวอื่นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ใครที่มีพฤติกรรมการเลี้ยงน้องหมาดังกล่าวขอแนะนำให้เปลี่ยนพฤติกรรมโดยด่วน แล้วหันมาลองสำรวจเจ้าตูบว่าพฤติกรรมแปลกๆ ในแบบที่จะกล่าวต่อไปนี้หรือไม่ ปกติแล้วเราจะสามารถสังเกตได้ว่าสุนัขของเราเป็นโรคประสาทหรือไม่ แต่ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าโรคจิตกับโรคประสาทนั้นมีความแตกต่าง กันอย่างไร ทั้งนี้อย่าเหมารวมกันว่าเป็น “บ้า” นะคะ เพราะเกิดจากคนละสาเหตุกัน
โรคจิต
เป็นโรคที่เกิดจากสภาพแวดล้อมกำหนดหรือถูกตีกรอบอยู่ซ้ำๆ จนเป็นรูปแบบประจำ ทว่ายังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้ามีการเปลี่ยนสถานที่หรือบุคคลที่มาแวดล้อม เช่นน้องหมาของคุณจะไม่ยอมกินอาหารเช้าเองถ้าคุณมาป้อน แต่ในเวลาเย็นกลับสามารถกินอาหารที่นำมาวางไว้ให้ได้เป็นปกติ
โรคประสาท
เป็นโรคที่เกิดจากมีพยาธิสภาพในสมอง อาจมีสาเหตุโน้มนำมาจากอาหารการกิน มลภาวะต่างๆตลอดจนความเจ็บป่วยเรื้อรัง ร่องรอยของโรคที่เกิดขึ้นก็เป็นแบบที่เกิดในมนุษย์เรา เช่นมีการพรุนเสื่อมหายไปของเนื้อสมอง เส้นเลือดตีบ เส้นเลือดอุดตัน สารสื่อประสาทในสมองทำงานช้าลงหรือผิดปกติไป เช่น สุนัขที่ออกจากบ้านแล้วหาทางกลับไม่ได้เพราะหลงทิศ หรือนอนไม่หลับแล้วลุกขึ้นมาเห่าหอนกลางดึกปลุกชาวบ้านทั้งซอยให้ตื่นตามไปด้วย
ในเมื่อโรคประสาทมีความซับซ้อนเนื่องจากมีสาเหตุมากมาย และมักต้องพึ่งวิธีตรวจราคาแพงพวกเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ ฉีดสารทึบแสงเข้าเส้นเลือดเพื่อค้นหาตำแหน่งและความรุนแรง ทำให้การรักษาไม่ค่อยก้าวไปไหน ถ้าไม่ถึงขั้นผ่าตัดสมอง ก็กินยาบำรุงประสาทไปเรื่อยๆ โชคดีก็ผ่านทุเลาหรือหายได้
ส่วนในทางการแพทย์จีนนั้นแบ่งอาการโรคประสาท ตามลักษณะของความผิดปกติในอวัยวะต่างๆ หรือปัจจัยอื่นๆ เช่น ความร้อน จะสังเกตได้ว่าอาการนอนไม่หลับในเวลากลางคืนของสุนัขอาจเกิดจากมีความร้อน หรือลมพุ่งขึ้นทำให้เกิดอาการพลุ่นพล่าน อาจจะเกิดจากการกินอาหารมากเกินไปทำให้อาหารย่อยได้ไม่ดี จนทำให้เกิดแก๊สหรือท้องอืดจนนอนไม่หลับก็ได้ กลุ่มนี้ควรแก้เรื่องอาหาร ใช้ยาขับลม และป้องกันโรคไขข้อปํญหาอาจจะหมดไปได้ง่าย แต่หากมีอารมณ์โกรธง่ายทำให้เกิดอาการที่เรียกว่าอาการลมออกหูอยู่บ่อยๆ เจ้าตูบของเราก็มีสิทธิ์เป็นความดันสูงที่วันดีคืนดีร่างกายเกิดปรับสมดุล ภายในไม่ไหว ก็จะเกิดอาการมึนงง ตากระตุก นอนไม่ได้ เวลาเดินจะเซหรือล้ม ร้องเรียกหรือเห่าไม่หยุด บั้นปลายของชีวิตมันจะวนเวียนอยู่กับยาระงับประสาทหรือยากันชัก นอกจากนี้อาจมีภาวะไตบกพร่อง ไตทำงานได้ลดน้อยเกินไปร่ายกายจึงเกิดความร้อนสูงคล้ายกับร้อนใน มีการหิวน้ำบ่อย ขี้ร้อน หอบเหนื่อยง่ายและเมื่อไม่สามารถระบายน้ำและความร้อนได้ปกติสุนัขก็จะไม่สามารถนอนหลับได้อย่างปกติด้วยเช่นกัน
นี่เป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่โน้มนำให้เกิดอาการทางประสาทได้ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ทีนี้มาถึงคำถามสำคัญว่าอาการแบบใดจะก่อให้เกิดสัญญาณเตือนว่าสุนัขกำลัง ป่วยเป็นโรคประสาท
มีอาการป่วยเรื้อรังทั้งที่กำจัดสาเหตุหรือได้รับการรักษาแล้ว ก็ยังไม่หายเช่น อาเจียน ท้องผูก ท้องเสีย หิวน้ำบ่อยหรือไม่กินน้ำ ปัสสาวะน้อยหรือบ่อยเกินไป ผิวหนังแดงคันมากทั้งที่ไม่มีเห็บหรือหมัด ผิวหนังมีรังแคมาก รวมถึงน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
กิจวัตร เปลี่ยนแปลง เช่น ปัสสาวะราด อุจจาระไม่เป็นที่ ตื่นกลางดึกบ่อยๆ เอาแต่นอนหรือไม่ก็นอนน้อยลง สะดุดล้มง่าย ดุขึ้น หงุดหงิดง่าย เซื่องซึม กลัวความมืด กลัวฟ้าร้องฟ้าผ่า ไม่เหมือนแต่ก่อน ขี้ร้อนชอบหลบแดดหาที่ร่มๆ นอนเก็บตัวในขณะที่สุนัขตัวอื่นๆ วิ่งซนกันเป็นปกติ
มีนิสัยขลาดกลัว ขี้อาย ชอบหลบซ่อนตัวผิดไปจากเดิมเวลานอนมักร้องละเมอ มักพบในสุนัขตัวที่เล็กแกร็นที่สุดในครอกหรือสุนัขชราที่มีอายุมากๆ มีอาการร้องเรียกปลุกบ่อยๆ ในเวลากลางคืน เมื่อเวลาผ่านไปพบว่าไม่สามารถนอนหลับได้เลย สติแตกไม่รู้ว่าร้องไปเพื่ออะไรและหยุดไม่ได้
ขั้นตอนการรักษา
ควรทำให้สัตว์สบายตัวขึ้น ถ้าพบว่ามีท้องผูกให้ล้วงออกเพื่อลดความดันในช่องท้อง (การล้วงจะมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการการจุกได้) และนวดกดจุดคลายเครียดที่หน้าผาก จัดสภาพแวดล้อมให้อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้นไม่ร้อนและเงียบสงบ หยุดการใช้ยาที่ออกฤทธิ์กดประสาททุกชนิด ในกรณีที่มีอาการประสาทหลอน เดินไม่หยุด ตกใจคลั่ง หอบ อ้าปากค้างจนหายใจไม่ทัน ถ้ายังรู้สึกตัวให้ป้อนน้ำ เพื่อกระตุ้นระบบประสาทการกลืนและช่วยลดความร้อนในร่างกาย ในรายที่เป็นมาก จะแนะนำให้ฝังเข็ม ร่วมกับการใช้ยาแผนปัจจุบันและยาจีน
รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมดูแลเอาใจใส่และหมั่นสังเกตอาการของเจ้าสี่ขาอย่างใกล้ชิดน่ะคะ เพราะโรคทุกโรคหากเรารู้ตัวและทำการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะทำให้การเยียวยาง่ายขึ้นและมีโอกาสหายมากกว่าที่จะปล่อยให้บานปลายจนสายเกินแก้ ที่สำคัญคือการอยู่เคียงข้างเพื่อเป็นกำลังใจให้เขาต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ และเอาชนะมันให้ได้เพื่อทั้งเขาและคุณเองจะได้กลับมามีชีวิตที่เป็นปกติสุขร่วม กันอีกครั้ง