จากประเด็นร้อนที่มีการโพสในกลุ่มเฟรนช์บูลด็อก เกี่ยวกับการจำนำสุนัขที่ถกเถียงกันถึงขั้นคุณหนุ่มกรรชัยต้องเชิญไปเคลียกันในรายการโหนกระแส สุนัขสายพันธุ์เฟรนช์บูลด็อกคงเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมกันมากขึ้น วันนี้ครูโจอี้เลยอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักสุนัขเฟรนช์บูลด็อกกันอย่างละเอียด เรียกได้ว่าใครที่สนใจอยากเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้ สามารถตัดสินใจได้เลยว่าคุณเหมาะกับการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้หรือไม่ และใครที่เลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้แล้วเจอปัญหา จะรับมืออย่างไร ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลยค่ะ
สุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก (French Bulldog) เป็นสุนัขพันธุ์ที่มีลักษณะน่ารักและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีชื่อเล่นอีกชื่อหนึ่งว่า “เฟรนช์ชี่” (Frenchie) หนึ่งในสุนัขสายพันธุ์หมาหน้าย่น เฟรนช์บูลด็อกมีรูปร่างกำยำ จมูกสั้นและย่น มาพร้อมใบหูที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีรูปทรงสามเหลี่ยม ฐานหูกว้าง และตั้งฉากกับศีรษะ พวกเค้ามีขนสั้น ขนร่วงเพียงเล็กน้อย จึงทำให้ดูแลได้ง่าย
ลักษณะทั่วไปของเฟรนช์บูลด็อก
- น้ำหนัก: เฟรนช์บูลด็อกที่มีสุขภาพดีจะมีน้ำหนักระหว่าง 7 – 12 กก.
- ส่วนสูง: ส่วนสูงโดยเฉลี่ยของสุนัขเฟรนช์บูลด็อกในช่วงโตเต็มวัยจะอยู่ที่ประมาณ 11 – 13 นิ้ว
- อายุขัย: สุนัขเฟรนช์บูลด็อกมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 10 – 12 ปี
- ขน: เฟรนช์บูลด็อกมีขนสั้น เรียบ และนุ่ม
เฟรนช์บูลด็อก มีกี่สายพันธุ์?
สุนัขเฟรนช์บูลด็อกมีสายพันธุ์เดียวเท่านั้น นั่นคือสายพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก (French Bulldog) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ถูกจดทะเบียนและรับรองโดยสถาบันการจดทะเบียนสุนัขอย่างอย่างถูกต้อง เช่น สหพันธ์สุนัขแห่งอเมริกา (American Kennel Club) และสมาคมความชื่นชอบสุนัขแห่งอังกฤษ (The Kennel Club) ซึ่งรับรองว่าเป็นสายพันธุ์สุนัขที่ถูกต้องและมีคุณภาพสูง
นิสัยของสุนัขเฟรนช์บูลด็อก
สุนัขเฟรนช์บูลด็อกมีลักษณะนิสัยที่น่ารักและมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัว มีความสดใสและมีความสนุกสนาน มักจะแสดงออกถึงความยินดีและความสุขในทุกๆ สถานการณ์ ชอบที่จะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว มักจะมีความผูกพันธ์และความอุ่นใจต่อผู้คนในครอบครัว มีความเฟรนด์ลี่และมักจะมีความรักและความอ่อนโยนต่อสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ในครอบครัว เป็นสุนัขที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เช่น เพื่อนสุนัขหรือแมวได้ นอกจากนี้ เฟรนช์บูลด็อกยังเป็นสุนัขสายพันธุ์ที่สื่อสัตย์กับเจ้าของมาก
อาหารสำหรับสุนัขสายพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก
อาการสำหรับเฟรนช์บูลด็อกวัยเด็ก (ช่วงอายุ 1-3 เดือน)
สำหรับสุนัขเฟรนช์บูลด็อกวัยเด็ก สัตว์แพทย์แนะนำอาหารปริมาณ 1 - 1.5 ถ้วย โดยแบ่งเป็น 3 มื้อต่อวัน เคล็ดลับสำหรับเจ้าของที่อยากปั้นให้เฟรนช์บูลด็อกกล้ามแน่น หุ่นดีเมื่อโตขึ้น พยายามเน้นสารอาหารที่ให้โปรตีนสูง อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาภูมิแพ้ผิวหนังตามพันธุกรรม สุนัขเฟรนช์บูลด็อกหลาย ๆ ตัวมักแพ้เนื้อไก่ เจ้าของอาจจะต้องมองหาอาหารสุนัขที่มีโปรตีนจากเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆแทน
อาการสำหรับเฟรนช์บูลด็อกโตเต็มวัย (อายุ 1 ปีขึ้นไป)
สุนัขเฟรนช์บูลด็อกที่โตเต็มวัย ให้เริ่มกินอาหารวันละ 2 มื้อ ในปริมาณ ¾ – 1.5 ถ้วยตวงไปเรื่อย ๆ ให้เคยชินและคงที่กับปริมาณน้ำหนัก เจ้าของอาจจะพบว่าสุนัขเฟรนช์บูลด็อกวัยนี้ท้องอืดง่าย สามารถป้องกันได้ด้วยการเสริมไฟเบอร์และพรีไบโอติกต่าง ๆ ที่ช่วยปรับการทำงานของลำไส้เฟรนช์บูลด็อกให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
อาการสำหรับเฟรนช์บูลด็อกสูงวัย (อายุ 7 ปีขึ้นไป)
เฟรนช์บูลด็อกมีลำตัวใหญ่และแน่น แต่มีขาสั้น อาจส่งผลต่อสะโพกและข้อต่อเมื่อสุนัขมีอายุเยอะขึ้น เฟรนช์บูลด็อกสูงวัยจึงควรเสริมด้วยอาหารที่มีกลูโคซามีน คอนดรอยติน และกรดไขมันโอเมก้า 3 มากขึ้น เพื่อช่วยบำรุงให้กระดูกให้แข็งแรง
โรคที่ต้องระวังในสุนัขสายพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก
โรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis)
เนื่องจากสุนัขสายพันธุ์เฟรนช์บูลด็อกมีขนที่สั้นและผิวหนังที่บอบบาง ทำให้โดนกระตุ้นโดยสารก่อภูมิแพ้ได้ง่ายกว่าสุนัขพันธุ์อื่น ซึ่งเกิดจากพันธุกรรมของสายพันธุ์ที่มีการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอกว่า สังเกตได้จากอาการคัน ผิวหนังลอก และมีอาการติดเชื้อแทรกซ้อน หากพบอาการดังกล่าวให้รีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการแพ้ว่ามีการแพ้สารอาหารหรือสิ่งกระตุ้นใดบ้าง
โรคระบบทางเดินหายใจ (Brachycephalic syndrome)
โรคนี้มักพบบ่อยในกลุ่มสุนัขหน้าสั่น ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างของร่างกาย สุนัขพันธ์นี้มีเพดานอ่อนยื่นยาวและท่อลมขนาดเล็ก มักพบว่าเฟรนช์บูลด็อกมักจะหายใจแรง นอนกรนเสียงดัง เจ้าของจึงควรพาสุนัขไปตรวจสุขภาพประจำปี เพื่ออัพเดทอาการกับสัตวแพทย์อยู่เสมอ
ภาวะช็อคจากความร้อนสูงในสุนัข (Heat Stroke)
นอกจากสุนัขกลุ่มหน้าสั้นจะมีปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจแล้ว ยังเสี่ยงต่อสภาวะ Heat Stroke ได้ง่ายกว่าสุนัขพันธุ์อื่น ๆ อีกด้วย Heat Stroke จะเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิในร่างกายสุนัขสูงกว่า 106-109 องศฟาเรนไฮด์ และจะมีอาการขาดน้ำ หัวใจเต้นเร็ว อาเจียน ท้องเสีย หากพบอาการเหล่านี้ให้รีบพาสุนัข มายังสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเท และให้สุนัขดื่มน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้อง หลังจากนั้นค่อย ๆ นำน้ำลูบตัวสุนัขให้อุณหภูมิลดลง แต่ไม่ควรใช้น้ำเย็นแบบกระทันหันเพราะสุนัขอาจช็อกได้ คลิกเพื่ออ่านบทความ รู้จักกับ “โรคลมแดด” หรือ “ฮีทสโตรก (Heat Stroke)” ในสุนัข
โรคเชอร์รี่อาย (Cherry Eye)
เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าโรคต่อมหนังตาที่สามโผล่ยื่นในสุนัข โดยสุนัขที่เป็นโรคนี้จะมีลูกกลม ๆ สีชมพูยื่นออกมาบริเวณหัวตาคล้ายลูกเชอร์รี่ สิ่งที่โผล่มานี้จะอยู่ที่หนังตาที่สามบริเวณหัวตาของสุนัข ซึ่งตามปกติจะอยู่ที่ฐานกระดูกอ่อนและยึดไว้โดยเนื้อเยื่อหลังตาที่สามตำแหน่งใกล้กับกระดูกเบ้าตา เชอร์รี่อายสามารถพบได้ที่ตาข้างเดียวหรือตาทั้งสองข้าง บางครั้งพบการอักเสบและการระคายเคืองร่วมด้วย ซึ่งโรคนี้เกิดจากการยึดของเนื้อเยื่อไม่ดี อาจเกิดแต่กำเนิด แต่จะเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไม่นั้นปัจจุบันยังไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด เพราะเป็นลักษณะที่เกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างภายนอก แต่อุบัติเหตุและการอักเสบก็เป็นปัจจัยโน้มนำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน ทั้งนี้โรคเชอร์รี่อายพบได้กับสุนัขทุกสายพันธุ์ทุกช่วงอายุ แต่พบมากในลูกสุนัขจนถึงอายุ 2 ปี และพบมากในสุนัขสายพันธุ์ Cocker Spaniels, Bulldogs, Beagles, Bloodhounds,Lhasa Apsos,ShihTzu, Mastiffs, Shar-peis, Pekingese, Boston terriers, St.Bernards
เฟรนช์บูลด็อกที่ดีเป็นยังไง?
การเลือกซื้อสุนัขสายพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก มีสิ่งที่ต้องสังเกตุคือโครงหน้า ใบหู และขนของสุนัข ตามมาตรฐานของสายพันธุ์ จะต้องมีกะโหลกใหญ่แบน ใบหน้าสั้นทรงสี่เหลี่ยม มีกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม โดยเฟรนช์บูลด็อกที่มีลักษณะกะโหลกยาวถือว่าไม่ตรงตามมาตรฐาน และเฟรนช์บูลด็อกแท้ทุกตัวจะมีหูตั้ง โคนหูใหญ่เหมือนค้างคาว และปลายหูโค้งมน
ต่อมาคือความยาวขน โดยเฟรนช์บูลด็อกจะมีขนสั้น เรียบ และหนาแน่น มีความนุ่มนิดหน่อย โดยเฟรนช์บูลด็อกที่ขนยาวอาจเกิดจากยีนส์เด่นผสมกับยีนส์ด้อยของพ่อแม่เฟรนช์ชี่แท้ได้ แต่ถือว่าไม่ถูกต้องตามมาตรฐานสายพันธุ์
เฟรนช์บูลด็อก ราคาเท่าไหร่?
ราคาของสุนัขสายเฟรนช์บูลด็อก จะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสี โดยส่วนมากราคาจะอยู่ที่7,000 - 50,000 บาท สีต่างๆของสุนัขสายเฟรนช์บูลด็อกสุนัขมีดังนี้
- สีลายเสือ (มีริ้วลายสีเทาหรือน้ำตาล)
- สีลายเสือและสีขาว
- สีครีม
- สีน้ำตาลแกมเหลือง
- สีน้ำตาลแกมเหลืองและสีขาว
- สีน้ำตาลแกมเหลืองและสีขาว ลายเสือ
- สีขาว
- สีขาว ลายเสือ
- สีขาวและสีน้ำตาลแกมเหลือง
เฟรนช์บูลด็อกสีหายาก ราคายิ่งแพง เช่น blue (เทาเข้ม), lilac (เทาอมม่วงไลแลค), blue and tan (เทาเข้มและแทน), chocolate and tan (ช็อกโกแลตและแทน), blue merel (เทาเข้มและลายด่างทั่วตัว) และ all black (สีดำสนิท)
เฟรนช์บูลด็อกเหมาะกับใคร?
สุนัขสายพันธุ์เฟรนช์บูลด็อกเป็นสายพันธุ์ที่ไม่อดทนกับความเหงา ชอบเล่นสนุกและต้องการมีส่วนร่วมในชีวิตของมนุษย์เสมือนเป็นสมาชิดคนนึงในครอบครัว ดังนั้นคนที่จะเลี้ยงเฟรนช์บูลด็อกจะต้องมีเวลาอยู่กับสุนัขและพร้อมที่จะหากิจกรรมต่างๆเพื่อเล่นสนุกไปด้วยกัน และเฟรนช์บูลด็อกอ้วนง่ายมาก จึงต้องการเจ้าของที่มีเวลาพาไปออกกำลังกายเบาๆเป็นประจำทุกวัน นอกจากนี้ใครที่จะเลี้ยงเฟรนช์บูลด็อกจะต้องสามารถพาสุนัขเดินทางด้วยรถยนต์ได้ เพราะสุนัขสายพันธุ์นี้ไม่ควรนั่งเครื่องบิน เนื่องจากสุนัขสายพันธุ์นี้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ (Brachycephalic syndrome) ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากความดันอาการที่เปลี่ยนไปได้ง่ายๆ แต่ในขณะเดียวกันเฟรนช์บูลด็อกก็เป็นสุนัขที่มีความดื้อรั้นแฝงอยู่ เป็นตัวของตัวเอง ดังนั้นการฝึกสุนัขจึงต้องการความอดทนมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
ไม่ว่าจะเป็นสุนัขหรือสัตว์ชนิดไหน ถ้าคุณยังไม่พร้อมทั้งเรื่องเงิน ความรู้ความเข้าใจ หรือ ไม่มีเวลามากพอที่จะดูแล อย่าเพิ่งนำเขามาเลี้ยงเลยค่ะ ถึงแม้กฏหมายจะบอกว่าสามารถจำนำสัตว์ได้ แต่จะดีกว่ารึเปล่าคะถ้าเราเลี้ยงเขาเมื่อพร้อม และเลี้ยงเขาให้อยู่ร่วมกันกันกับมนุษย์ได้โดยไม่เป็นภาระของใคร ครูโจอี้หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คนที่อยากเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์เฟรนช์บูลด็อกได้ลองตัดสินใจดูว่าตนเองเหมาะสมกับการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์นี้หรือไม่
หากคุณไม่อยากให้การเลี้ยงสุนัขสร้างปัญหาจนกลายเป็นภาระ โรงเรียนฝึกสุนัข Jojo House Dog Master ยินดีเป็นที่ปรึกษาและผู้ช่วยในการฝึกสุนัขภายใต้ "LETS" CONCEPT ที่ไม่ได้ฝึกแค่สุนัข แต่จะฝึกให้คุณเป็นจ่าฝูงที่สามารถควบคุมสมาชิกในฝูงให้มีระเบียบวินัยได้ด้วยจิตวิทยาสุนัข โดยครูผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการฝึกสุนัขมามากว่า 10 ปี นอกจากนี้เรายังมีบริการ รับฝากสุนัข, เลือกลูกสุนัขแบบมืออาชีพ, บริการสระว่ายน้ำสุนัข บริการสนามวิ่งเล่น และ จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุนัขอีกมากมาย อาธิเช่น ลู่วิ่งสุนัข, สายจูงสุนัข อีกด้วย